รีวิวหนัง “She Said เสียงเงียบของเธอ” ที่ตอนนี้เสียงนั้น จุดประกายกึกก้องไปทั้งโลก
หนังสายรางวัล ก็เริ่มคืบคลานมาเปิดฤดูในประเทศไทย แบบเบา ๆ แล้วเช่นกัน ส่งหนังโฉบเฉียดรางวัลเรื่องแรก ๆ ของปีนี้มาด้วย “She Said เสียงเงียบของเธอ” ที่มาพร้อมกับประเด็นทางด้านสังคม สุดอื้อฉาวคาวโลกีย์ ที่กลายเป็นแรงกระตุ้น รวมทั้งการขับเคลื่อนสิทธิสตรีครั้งใหญ่ ระดับโลกในปัจจุบัน เพียงแค่ความพยายามกล้า ที่จะออกเสียงออกมา จากเสียงเล็ก ๆ กลายมาเป็นเสียงตะโกน ที่กระหึ่ม กับเรื่องราว ที่พวกเธออยากจะให้โลกได้รับรู้!
SheSaid เสียงเงียบของเธอ เป็นวีรกรรมของ 2 นักข่าวที่สื่อยักษ์ใหญ่ New York Times อย่าง เมแกน ทูเฮย์ กับ โจดี้ คานทอร์ พวกเธอได้กระทำเปิดโปง รวมทั้งเปิดตัวการเคลื่อนไหว ของแคมเปญ #MeToo ที่กลายเป็นการขับเคลื่อนสังคมครั้งยิ่งใหญ่ ในรอบทศวรรษ ด้วยการเปิดเผยการกระทำ ชั่วใช้ความรุนแรงทางเพศครั้งประวัติศาสตร์ ที่อื้อฉาวไปทั่ว ทั้งแวดวงฮอลลิวูด เกี่ยวกับการกระทำของผู้บริหารระดับสูง จากสตูดิโอหนังชื่อดังแห่งหนึ่ง
She Said เป็นหากว่าคุณเคยชอบใจ จากหนังสายรางวัลชนิด หนังสืบสาวเชิงข่าว
อย่าง “Spotlight คนข่าวคลั่ง” ที่ได้ออสการ์ไป หรือ “The Post เอกสารลับเพนตากอน” ที่เคยโดดเด่นบนเวทีรางวัล คุณก็น่าจะหลงใหล รวมทั้งลื่นไหลไปกับหนังเรื่องนี้ ได้อย่างไม่ยากเย็น ด้วยเหตุว่าโทนของหนัง ก็มาในทิศทางรวมทั้งทำนองแบบเดียวกัน
คือกลายเป็นหนังดราม่าสืบสาว ที่เกือบกลายเป็น เชิงสารคดีข่าวไปแล้ว ในระดับหนึ่ง การเล่าเรื่องทำออกมาได้ค่อนข้าง ดูง่ายรวมทั้งย่อยง่าย ผู้ชมสามารถสัมผัส ประเด็นต่าง ๆ ของหนังได้อย่างแจ่มแจ้ง โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความคิดอะไรเยอะ
นี่เป็นผลงานกำกับ หนังฮอลลิวูดเรื่องแรกเต็มตัว ของนักแสดงสาวชาวเยอรมัน “มาเรีย ชเรเดอร์” ที่อาจจะบอกได้ว่าความสามารถ ของเธอนั้น ก็ค่อนข้างเอาการอยู่ สามารถชูประเด็นรวมทั้งนำเสนอ หนังออกมาได้ในจังหวะที่ใช้ได้ ผลักดันเล่าออกมาได้ค่อนข้างมีอรรถรสดี เพียงแต่ว่าสเกลของหนังบางทีอาจจะค่อนข้างใหญ่เกินไป สำหรับประสบการณ์ ของเธอสักหน่อย ทำให้ยังมีหลาย ๆ องค์ประกอบที่ยังสัมผัสได้ว่า ไปได้ไม่สุดทาง ทำออกมาได้ยังไม่จัดจ้านพอ รวมทั้งยังเต็มไปด้วยส่วนขาด ๆ เกิน ๆ ผสมออกมาอยู่มาก
โดยหนังเรื่องนี้ ได้นักประพันธ์ฝีมือดี ชาวอังกฤษ “รีเบคก้า เลนคีวิซ” (จาก Disobedience และ Ida) ที่นับว่าคลุกคลีรวมทั้งจับเอาประสบการณ์ตรงสำหรับการ ทำงานข่าวเชิงสืบสาวของ เมแกน ทูเฮย์ กับ โจดี้ คานทอร์ มาร้อยเรียงเป็นเรื่องราว
หนังอาจมีทิศทางการเล่าเรื่อง ที่ค่อนข้างเข้าถึงง่าย รวมทั้งไหลลื่นไปตามกระแสที่ใช้ได้ แต่กระนั้นก็ยังพบว่า มีบางจุดที่ค่อนข้างย้วยเกินจำเป็น ยืดยานโดยใช้เหตุ หากว่าสามารถกระชับ ในจังหวะการเล่าได้ขึงขังได้อีกสักนิด มีความคิดว่าหนังน่าจะตรึงใจได้มากกว่า
ถึงแม้ She Said มาได้วัตถุดิบรวมทั้งประเด็นชั้นเลิศ เอามาปรุงรส แต่ก็แอบเสียดาย อยู่นิดหน่อยที่ว่าประเด็น ที่หนักแน่นรวมทั้งยิ่งใหญ่ที่ทรงอิทธิพลขนาดนี้ กลับทำออกมาได้ในแบบที่ ยังไม่ค่อยทรงพลังสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างเมื่อนำไป เปรียบเทียบกับหนังเชิงข่าวทั้ง 2 เรื่อง ข้างต้นที่อ้างอิง เข้าไปข้างต้นนั้น
นับว่าเรื่องนี้ยังค่อนข้างห่างไกลจาก คำว่าสมบูรณ์แบบไปอย่างน่าผิดหวังนิด ๆ ด้วยเหตุว่าในสุดท้ายหนัง หนังแทบไม่ได้สร้างมิติ รวมทั้งลูกเล่น ได้อย่างมีเชิงชั้น เป็นแค่การเล่าเรื่อง ไปตามสูตรแบบจับวาง ตามไทม์ไลน์ที่ควรจะมีเสน่ห์ ได้มากกว่านี้
แต่กระนั้นหนังก็ยังโชคดี ที่มีกลุ่มนักแสดงคุณภาพ มาปล่อยของรวมทั้งพ่นไฟ ในหนังเรื่องนี้
ที่ช่วยแบกรวมทั้งพยุงหนังเอาไว้ เกือบจะทั้งเรื่อง “แครี่ มัลลิแกน” กับ “โซอี้ คาซาน” เปรียบได้ว่าเป็นคู่หูนางแบบ ของหนังเรื่องอย่างแท้จริง การแสดงที่ลื่นไหน ของพวกเธอ นับว่าทำออกมาได้ดี ตามมาตรฐาน เพียงน่าเสียดายอยู่บ้าง ด้วยเหตุว่ามั่นใจว่าพวกเธอ ยังสามารถทำได้ดีมากกว่านี้ ถ้าหากว่าโครงสร้างของเขา มีความหนักแน่น มากยิ่งขึ้นกว่านี้อีก
“แพทริเซีย คลาร์กสัน”, “อันเดร บรอย์เกอร์” หรือ “เจนนิเฟอร์ เอเล่” ถือได้ว่าเป็นกลุ่มนักแสดงสมทบ ที่มาช่วยเติมรสชาติ ให้กับเรื่องนี้ รวมทั้งอย่างน้อย ๆ หนังก็ยังใส่ลูกเล่น ที่น่าสนใจด้วยการเชื้อเชิญ นักแสดงที่เคยกลายเป็นเหยื่อ ในกรณีดังกล่าว มาร่วมแจมรับเชิญในหนังด้วย บางคนจะเป็นตัวเป็นตน หรือบางคนจะมาแค่เพียงเสียง แต่ถือได้ว่าเป็นกิมมิก ที่พยายามช่วยยกระดับ ความทรงพลังให้กับ หนังเรื่องนี้ได้ยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นการส่งสาร ที่สตรองยิ่งขึ้น
หนึ่งในลูกเล่น ที่ค่อนข้างน่าสนใจ แม้ว่าจะไม่ใช่อะไร ที่แปลกใหม่เท่าไร นั้นก็ถือจับเอาหลักฐาน จากสถานการณ์จริง มาใช้ประกอบในหนัง โดยเฉพาะอย่างคลิปเสียงต่าง ๆ ของผู้บริหารสตูดิโอหนัง ที่ถูกกล่าวอ้างนั้น ถูกเอามาเปิดใช้ประกอบ ในเรื่องนี้ ถือได้ว่าเป็นจุดที่กล้าได้กล้าเสีย ของหนังไม่น้อย ด้วยเหตุว่าทำอะไรแบบนี้ก็เสี่ยง ที่จะถูกฟ้องร้องได้เหมือนกัน แต่เมื่อเจตนาของหนัง อยากที่ตีแผ่สังคมรวมทั้งเปิดโปง ในช่วงหนังสารคดีข่าว การเลือกเทคนิคนี้ มาใช้ก็พอจะมีเหตุผลด้วยดี
ตกลงว่าโดยภาพรวมแล้วนั้น She Said เสียงเงียบของเธอ ก็นับว่าเป็นหนังสืบสาวเชิงข่าว ที่พอดูได้อย่างจับใ ถึงหนังจะยังไม่ได้สมบูรณ์แบบ ในทุกทิศทาง มีจุดอ่อนอยู่เต็มไปหมด โดยเฉพาะอย่างทิศทางการนำเสนอ ของเรื่องที่ไม่ได้หนักแน่นแข็งแรงพอ
ทั้งที่ได้ประเด็น ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาเล่น แต่หนังก็ได้ทำหน้าที่ สื่อสารตามเป้าหมายของเรื่องได้อย่างสำเร็จ กับการเป็นกระบอกเสียง ให้กับสตรี ที่กลายเป็นเหยื่อ การใช้ความรุนแรงทางเพศ ที่ให้พวกเธอได้กล้า ที่จะเปล่งเสียงกันออกมา ไม่ใช่แค่ยอมแพ้ เพียงแต่การกดขี่ภายใต้อิทธิพล
โดยเหตุนั้น She Said เรื่องนี้จึงเต็มไป ด้วยประโยครวมทั้งวลีเด็ด ๆ สำหรับการใช้เพียงขับเคลื่อนสังคม เอาไว้มากมาย แต่มีอยู่ประโยคหนึ่ง ที่ทำให้มีความรู้สึกขยะแขยงรวมทั้งหดหู่ใจ ไปในคราวเดียวที่ได้ยินว่า
” กฎหมายก็เป็นแค่เพียงเครื่องมือที่ใช้ปกป้องคนที่ละเมิดให้ยังคงอยู่และไปกระทำกับคนอื่น ๆ ต่อ ” ช่างเป็นท่อนคำที่รู้สึกจุกอก ด้วยเหตุว่า นี่มันเป็นความจริงในสังคม ด้วยเหตุว่าในที่สุดแล้ว คนธรรมดา ๆ ที่อำนาจเป็นศูนย์ จะไปสู้อะไรได้ กับคนที่เรืองรอง อิทธิพลอยู่เต็มสิบ
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง She Said เสียงเงียบของเธอ
ประเภท: ดราม่า
ผู้กำกับ: มาเรีย ชเรเดอร์
นำแสดงโดย: แครี่ มัลลิแกน, โซอี้ คาซาน
ความยาว: 129 นาที
ระบุฉายในไทย: 1 เดือนธันวาคม 2022 (ในโรงหนัง)